นายอาวุธ วรรณวงศ์ ที่ปรึกษาบริษัททริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาโครงการประเมินความคุ้มค่าเพื่อพัฒนาองค์การมหาชนระยะที่ 1 ของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. กล่าวในการประชุมรับฟังความคิดเห็นผู้มีีส่วนได้ส่วนเสียต่อบทบาทและเป้าหมายการดำเนินงานของสถาบันฯ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ที่อาคารเบญจสิริ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ว่า บจธ. ยังมีความสำคัญในเรื่องที่กำลังทำอยู่และยังมีบทบาทสำคัญ การที่ออกพระราชกฤษฎีกาจึงมีเหตุผลในการดำรงอยู่ ฉะนั้นในการประเมินความคุ้มค่าครั้งนี้ได้กำหนดรูปแบบคือ CPER มาจาก Coherence ความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์จัดตั้ง Performance ผลการปฏิบัติงาน Ecosystem กลไกสำคัญในระบบนิเวศ Resilience & Agility ความสามารถในการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่งทั้ง 4 มิติต้องนำมา Balance และใช้ในการประเมินองค์กร โดย C คือความสอดคล้อง มาจากคำว่า Coherence แผนปฏิบัติงาน แผนพัฒนาประเทศ ที่จะเกิดขึ้น P คือ performance ส่วน E คือ Ecosystem คือ Template รูปแบบธุรกิจอย่างหนึ่ง และจัดวางระบบ Ecosystem ให้เหมาะสม ธนาคารที่ดินทำคนเดียวคงไม่สำเร็จถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจาก R คือ Resilience เป็นความยั่งยืนความอยู่รอดท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงหรืออุปสรรคต่างๆของธนาคารที่ดิน จะ focus ที่ Performance กับการทำงานในท่ามกลางผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ซึ่งตัว P กับ E เป็นปัจจัยสำคัญ โดยมีแผนผังระบบนิเวศ บจธ. เป็นตัวนำเข้าที่สำคัญ เริ่มต้นจากการจัดหาที่ดิน ซึ่งปัญหาที่สำคัญของการจัดตั้งองค์กรแห่งนี้ คือ เรื่องปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรและผู้ยากไร้ มีปัญหาความยากจนเข้ามาเกี่ยวด้วย เพราะฉะนั้นการมีต้นทุน มีที่ดินทำกินก็ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ขณะเดียวกันที่ดินก็เป็นปัจจัยผลิตของชุมชนของเกษตรกร ถ้าไม่มีที่ดินก็ไม่มีเรื่องของการทำการเกษตร เมื่อเราได้ที่ดินมาแล้ว ก็มีระบบสินเชื่อเข้ามาอีก ระบบของธนาคารก็จะเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นต้นทุนที่นำมาของที่ดิน พอมีที่ดินแล้ว สาธารณูปโภคก็อาจจะไม่เพียงพอในการทำเกษตรกรรม ก็ต้องมีการพัฒนาที่ดิน เป็นเรื่องของการให้สินเชื่อและการพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐาน การชลประทาน ทำการจัดรูปที่ดิน ทำถนน ทำบ่อน้ำ เป็นต้น เวลาจะพัฒนาอะไรก็ตามต้องพัฒนาอยู่ 3 เสาหลัก ก็คือ พัฒนาสินค้า พัฒนาผู้ประกอบการ พัฒนาตลาด เป็นแกนหลักที่สำคัญตรงที่จะนำ Ecosytem แผนผังที่เราเรียกว่า result chain (Process – output – outcome –impact ) หรือห่วงโซ่ผลสัมฤทธิ์
" ปัญหาที่ดินเกิดขึ้นมานานแล้ว ที่เห็นได้ชัดเราจะมีม็อบปีละ 2 – 3 ครั้งเกี่ยวกับเรื่องที่ดินทำกิน และเรื่องที่ 2 เรื่องการกระจายที่ดิน และระบบนายทุน จนปี 2554 เกิด Solution ที่ทางภาครัฐเป็นธนาคารที่ดินเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรให้มีพื้นที่ทำกิน ให้สามารถยืนด้วยขาตัวเองได้ เพราะมีเกษตรกรจำนวนมากใช้วิะีการเช่าที่ดินนายทุน และที่ประสบปัญหาการดำรงชีวิตก็จะนำที่ทำกินเหล่านั้นไปจำนอง มีการสูญเสียที่ดินกับอีกหลายประเด็น อาชีพสำคัญในชนบทเป็นอาชีพที่เราชำนาญอยู่ ก็คือเรื่องของเกษตรกรรมซึ่งตัวโครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยการผลิตที่สำคัญนั้นไม่มีเป็นของตนเอง จึงเป็นภาระหน้าที่ของ บจธ. ที่จะต้องให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และบจธ. ก็มีแผนพัฒนาไปองค์การมหาชนตามพระราชบัญญัติอยู่แล้ว ทำเรื่องช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ก็คือการกระจายที่ดินอย่างเป็นธรรม " นายอาวุธ กล่าว
#ธนาคารที่ดิน #บจธ #กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม #องค์การมหาชน
จำนวนผู้เข้าชม : 146